METHOD STATEMENT SEGMENTAL PRODUCTION

METHOD STATEMENT SEGMENTAL PRODUCTION

ขั้นตอนการผลิต SEGMENT

สารบัญ

1.หัวข้อเรื่อง
2. ขั้นตอนการผลิต Segment แบบ Short Line
3. ผังบริเวณ และเครื่องจักร ,เครื่องมือ ที่ใช้ในการผลิต
3-1. พื้นที่ในการจัดเตรียมเหล็กเสริม และขึ้นรูป ,ผูกเหล็ก
3-2. แท่นผลิต ( Casting Bed )
3-3. เครื่องมือ และเครืองจักรที่ใช้ยก Segment และเหล็กเสริม ( Lifting Equipment )
3-4. พื้นที่ในการพักและจัดเก็บ ( Segment Stock Area )
4. กระบวนการ และขั้นตอนการผลิต ( Segment Production Procedure )
4-1. ขั้นตอนการผลิต Segment
4-2. วัศดุ
4-3. ระบบในการจัดเก็บของ เหล็กเสริม และลวด Post Tensioning
5. รายระเอียด ของการปฎิบัติในแต่ละกลุ่มงาน
5-1. งานเหล็กเสริม
5-2. การประกอบแบบ ที่แท่นผลิต
5-3. คอนกรีตที่จะนำมาใช้ในการผลิต Segment
5-4. ขั้นตอนและวิธีในการรักษาคุณภาพของชิ้นงาน
5-5. การดึงลวดตามขวางของ Segment
5-6. การถอดแบบ Segment
6. การควบคุมทางด้าน Geometry
6-1. ทั่วไป
6-2. ขั้นตอนการควบคุมที่แท่นผลิต

6. การควบคุมทางเรขาคณิต ( Geometry Control )
- คำนำ ( Introduction )
การควมคุมทางเรขาคณิตของการหล่อ Segmental Bridges จะต้องมีความรู้และ เข้าใจถึง

พฤติกรรมทางกายภาพของ Segmental ดี และต้องมีความเข้าใจทางคณิตสาตร์ และ

เรขาคณิตเป็นอย่าดี เพราะจะต้องหล่อ Segmental ให้ถูกต้องตามรูปแบบ และนำไปติดตั้งที่หน้างานจริง

ให้ถูกต้องตามแบบก่อสร้าง ทั้งในทางราบ และในทางดิ่ง
6.1 การควบคุมข้อมูลที่ใช้ในการ Setup Mould
หลักในการคำนวณหาข้อมูลสำหรับมา Setup Mould ในที่นี้ใช้หลักการ
Transformation Matrix From Global to Local โดยจะต้องเตรียมข้อมูล
Theoretical Span Layout ก่อน
Theoretical Span Layout ในที่นี้คือการคำนวณหาค่าพิกัดฉาก และค่าระดับจริงตามระบบภูมิศาสตร์

( UTM System ) โดยเริ่มจากการหาค่าพิกัดฉาก และระดับที่ตำแหน่งรอยต่อ และกึ่งกลางของ

Segmental และคำนวณทิศทางจากจุด ถึงจุด ( Cord ) จากนั้นคำนวณหาค่าพิกัดฉาก และระดับทางด้านฃ้าย

และขวา ( โครงการนี้ใช้ Segmental 2 Type คือ D4 และ D2 ) ถ้าผิวทางเป็นขนาด 4 ช่อง( D4 )

จะใช้ระยะในการควบคุมที่ 4.00 ม. และขนาด 2 ช่อง( D2 )ใช้ระยะ 2.80 ม.
ตามแผนงานจะหล่อ Segmental ตัวที่ 2 ก่อน ( Stater Segment ) ดังนั้นเพื่อความสะดวกจึงกำหนดให้

Segmental ตัวนี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โดยการคำนวณจะยึดภาคของทิศ ( Azimuth )ของรอยต่อที่ 2

ไป 3 ดังนั้นค่าพิกัดฉากที่ด้านฃ้าย และขวาของรอยต่อที่ 2 และ3 จะตั้งฉากกับ Azimuth ดังรูป ในส่วนของ

Segmental ตัวที่ 3 คำนวณค่าพิกัดฉากด้านฃ้าย และขวา โดยยึด Azimuth จากรอยต่อที่ 3,4 ไป 2,3

แล้วออกฉากไปคำนวณค่าพิกัดฉากที่ด้านฃ้าย และขวา. คำนวณตามขั้นตอนนี้ไปจนจบ Span

หลังจากเตรียมข้อมูล Theoretical Span Layout เรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนการคำนวณข้อมูล
สำหรับ Setup Mould โดยการแปลงค่าพิกัดฉากระบบภูมิศาสตร์ ( UTM System ) มาเป็น
ค่าพิกัดฉากระบบท้องถิ่น ( Local System ) โดยใช้หลักคณิตศาสตร์ Vector และ Matrix
มาสร้างโปรแกรม. ในที่นี้ทางโครงการได้ใช้โปรแกรม Formset 2A และ Formset 2C ที่ทาง
บริษัท VSL ( THAILAND ) CO.,LTD. เป็นผู้จัดหามา
ในที่นี้ทางบริษัทได้พัฒนาโปรแกรม 3DSCP ขึ้นมาใช้ควบคู่กับโปรแกรม Formset 2A
และ Formset 2C ด้วย โดยใช้การคำนวณของ Visual Basic ผ่านทางโปรแกรม Excel.
ขั้นตอนในการคำนวณ และการใช้โปรแกรมในการคำนวณ
หลังเข้าสู่ WORKSHEET ในหน้าต่าง EXCEL แล้ว จะปรากฏ SHEET ทั้งหมดดังต่อไปนี้
1. THEO SPAN 6. C 11. H 16. M 21. CURVES
2. CAM SPAN 7. D 12. I 17. N
3. ASCAST SPAN 8. E 13. J 18. O
4. A 9. F 14. K 19. P
5. STARTER B 10. G 15. L 20. Q


























SHEET THEO SPAN
ปุ่มลัดใน SHEET THEO SPAN จะเป็น SHEET ที่เราจะต้องใส่ข้อมูลต่าง ๆ ของ SPAN
ลงใน SHEET นี้ เช่น ชื่อ SPAN จำนวน SEGMENT ทั้งหมด แบบเลขที่ วันที่พิมพ์แบบ หลัง
จากที่เรากรอกจำนวน SEGMENT แล้ว โปรแกรมจะขึ้นจำนวน JOINT มาเท่ากับจำนวน
SEGMENT + 1 โดยเริ่มจาก JOINT 0 ดังนั้น JOINT สุดท้ายจะมีค่าเท่ากับจำนวน
SEGMENT ให้เรากรอกข้อมูลจุดพิกัด UTM ลงในแต่ละ JOINT เริ่มจากทาง WEST ไป
CENTER ไป EAST EAST จะอยู่ทางซ้ายหากเรามอง UP CHAINAGE และ EAST
จะอยู่ขวา ค่าพิกัดที่กรอกจ้องละเอียดถึงทศนิยม 4 ตำแหน่ง หลังกรอกข้อมูลพิกัดเสร็จ ให้กรอกข้อมูล
PRECAMBER หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จหมดแล้วโปรแกรมจะสร้างข้อมูลของ BOLTS และ
HAIRPIN ขึ้นมาจากค่าพิกัด JOINT โดยที่เราสามารถกำหนดให้ BOLTS และ HAIRHIN
ห่างจากขอบหน้าตัดขวางเป็นระยะตามที่ต้องการแต่ไม่ควรน้อยหรือมากเกินไป ค่า DEFAULT ที่ตั้งไว้คือ
40 MM เราสามารถเข้าไปดูค่า HAIRPIN ได้โดยคลิกปุ่มลัดที่แสดงใน WORKSHEET
หรือจะใช้เม้าส์เลื่อนลงมาดูข้อมูลก็ได้





























การป้อนข้อมูลค่าพิกัด UTM ลงในแผ่นงาน Theo Span ข้อมูลที่จะป้อนลงในแผ่นงานนี้คือค่าพิกัดของ
Joint ที่จุดWest (ซ้าย) Center (กลาง) East (ขวา) จุดเหล่านี้สร้างจากข้อมูล Alignment
ของสะพานดังตัวอย่างที่แสดง ข้างล่าง



























SHEET CAM SPAN
ใน SHEET CAM SPAN จะเป็น SHEET ที่แสดงค่าพิกัด UTM ที่ได้จาก SHEET
THEO SPAN แต่ค่า Z จะถูกปรับแก้โดยการบวกค่า PRECAMBER เข้าไป ดังนั้นจะถูกเปลี่ยน
ชื่อเป็น ADJ.Z โดยที่จะปรับเปลี่ยนทั้งใน JOINT DATA และ HAIRPIN & BOLTS
DATA ที่ SHEET นี้เราจะเริ่มการคำนวณ THEORETICAL CASTING CURVES
โดยการกดปุ่มชื่อข้างต้นใน SHEET นี้ และเราสามารถ คำนวณ INDIVIDUAL CASTING
CURVES ได้โดยกดปุ่มชื่อดังกล่าวเช่นกั



























หากเราต้องการไปดูค่าที่คำนวณได้ให้กดปุ่มลัดชื่อ แสดงข้อมูล CASTING CURVES
เราจะสามารถดูค่าดังกล่าวได้
























หากเราต้องการไปดู GRAPH ให้ไปที่ SHEET ASCAST SPAN แล้วกดปุ่มลัดชื่อ
CURVES SHEET เราจะสามารถ GRAPH ดังกล่าวได้











































เราจะคำนวณค่า SET UP ของ WET CAST ได้จากการกดปุ่มลัดการ คำนวณ WC & MC
SETUP
























หลังกดปุ่มหน้าต่างจะแสดงเพื่อให้เลือกว่าเราจะหล่อ SEGMENT STARTER หรือ MATCH
CAST หรือจะออกจากโปรแกรมการคำนวณเพื่อกลับมาที่ SHEET หาก SPAN ดังกล่าวยังไม่
ได้ทำการหล่อชิ้นส่วนเลย เราต้องเลือก STARTER ก่อนเสมอ


























หลังจากเลือก STARTER หน้าต่างจะแสดงให้เราใส่ค่าเบอร์ของ SEGMENT ตัวที่จะเป็น
STARTER ในโปรแกรมจะให้หล่อ SEGNENT เบอร์ 2 หรือ เบอร์ก่อนสุดท้ายเป็น STARTER เสมอ


























เมื่อใส่ข้อมูลแล้วโปรแกรมจะเปลี่ยนชื่อ SHEET เป็น STARTER(เบอร์ SEGMENT ที่ใส่) เช่น
STARTER 2 และหน้าต่างจะเข้าสู่ SHEET STARTER 2


























ในหน้าต่างนี้สามารถจะพิมพ์ข้อมูล SET UP เพื่อใช้ในการ SETTING OUT FLOATING
BULKHEAD โดยปกติแล้ว OFFSET จะเป็นศูนย์ทั้งหมด และค่าระดับที่ FIXED BULKHEAD
ก็จะเป็นศูนย์ แต่ค่าระดับที่ FLOATING BULKHEAD อาจไม่เป็นศูนย์ได้หาก CROSS FALL
มีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดในช่วง TRANSITION CURVE เช่น SPIRAL หลังจากที่เรา
SETTING OUT STARTER SEGMENT ในโรงหล่อแล้วจึงทำการหล่อและติดตั้ง
HAIRPIN และ BOLTS ลงบนชิ้นส่วนคอนกรีตที่เริ่มจะแข็งตัว โดยที่ HAIRPIN ติดตั้งให้ใกล้เคียง
กับแนว CASTING CELL (จุดตรงกลางของ FIXED BULK HEAD) ส่วน BOLTS ติดตั้ง
ให้ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่ทำรอยไว้ที่ FIXED BULKHEAD ทั้งด้านซ้ายและขวา ภายหลังที่คอนกรีตแข็ง
ตัวโดยปกติจะเป็นตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น เราจึงทำการสำรวจเพื่อวัดค่าแนวและระดับของ HAIRPIN และ
BOLTS รวมทั้งค่าระดับของ FIXED และ FLOATING BULKHEAD ระยะจาก FIXED
BULKHEAD ถึง BOLTS และHAIRPIN ระยะห่างระหว่าง HAIRPIN และ BOLTS
ทั้งสองเพื่อป้อนข้อมูลเข้าโปรแกรมสำหรับคำนวณค่า ASCAST COORDRINATES
แบบฟอร์มการสำรวจจะแสดงเมื่อเรากดปุ่มลัด ป้อนข้อมูล SURVEY


















































หลังการกรอกข้อมูลแล้วให้กดปุ่มกลับที่เดิมเพื่อกลับไปที่หน้าต่างเดิม แล้วกดปุ่ม SURVEY LOCAL
COOR. เพื่อซึ่งจะแสดงผลข้อมูลหลังจากที่ป้อนข้อมูล SURVEY แล้ว ข้อมูลนี้จะนำไปคำนวณเป็นค่า
ASCAST GLOBAL COORDINATES ต่อไป


























การหล่อ STATER จะมีการปรับแก้แค่ FIXED BULKHEAD เนื่องจากการขยับตัวหลังการ
หล่อแล้วเท่านั้น หลังจากข้อมูลถูกวิเคราะห์และปรับแก้จนได้ค่าพิกัด ASCAST แล้ว เราสามารถที่จะเข้า
ไปดูค่าASCAST GLOBAL COORDINTES ที่ SHEET ASCAST ข้อมูลจะ
แสดงค่าแค่ JOINT 1 และ 2 เนื่องจากเราเพิ่งหล่อ SEGMENT เพียงตัวเดียว



























เราจะสามารถจะคำนวณ GEOMETRY ที่ใช้ในการหล่อ SEGMENT ตัวต่อไปได้โดยการกดปุ่มลัด
คำนวณ WC&MCในSHEETCAMPAN














































และเลือกปุ่ม MATCH CAST SEGMENT จากนั้นจึงกรอกเบอร์ SEGMENT ที่จะ
นำมาเป็น MATCH CAST ในที่นี้เป็นเบอร์ 2 หลังจากนั้นให้กรอกเบอร์ SEGMENT ที่จะ
ทำการหล่อในที่นี้คือ ในที่นี้คือ เบอร์ 3


















































โปรแกรมจะคำนวณค่า SETUP SEGMENT ให้แล้วนำไปใส่ใน SHEET ต่อไปนี้คือ SHEET
C พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อจาก SHEET C เป็น WC3 พร้อมทั้งแสดง SHEET ดังกล่าวในหน้าต่าง



























ขั้นตอนต่อไปก็ให้นำค่าที่ได้ไป SETUP SEGMENT ในโรงหล่อแล้วทำการหล่อ จากนั้นจึงติดตั้ง
HAIRPINS และ BOLTS ลงใน WET CAST SEGMENT รุ่งเช้าอีกวันจึงมาทำการ
สำรวจค่า HAIRPINS , BOLTS รวมทั้ง FIXED BULKHEAD เพื่อนำข้อมูลไปป้อน
ในโปรแกรมเพื่อคำนวณหาค่า ASCAST COORDINATES




























หลังป้อนข้อมูล SURVEY แล้วให้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าค่าที่หล่อได้เกินค่าที่ยอมรับได้หรือไม่ โดยที่
เรากดปุ่มลัด ดูค่าแก้

เราสามารถปรับแก้ค่าได้โดยการ ป้อนข้อมูล OFFSET ลงในช่องสีฟ้าข้าง Bk Offset Adj. และ

ป้อนข้อมูล ELEVATION ลงในช่องสีฟ้าข้าง Bk Elev Adj. จากนั้นโปรแกรมจะคำนวณค่า

COORDINATES SET UP ของ WC เพื่อใช้เป็น MC หล่อ SEGMENT ตัวต่อไป

ค่า COORDINATES SET UP นี้จะไม่เท่ากับค่า COORDINATES ASCAST

ค่า ASCAST COORDINATES ของ SEGMENT แต่ละตัวจะถูกเก็บไว้ใน SHEET

ชื่อ ASCAST SPAN ข้อมูลจะแสดงค่าJOINT 1, 2 และ 3 เนื่องจากเราหล่อ SEGMENT

ไป 2 ตัว หากต้องการดูข้อมูล HAIRPIN และ BOLT ให้เลื่อนหน้าต่างลงจนเห้นข้อมูล

จุดพิกัด ASCAST จะถูก PLOT ลงใน CURVES SHEET เพื่อเทียบกับค่าทางทฤษฎี เรา

สามารถคำนวณหา SEGMENT ตัวต่อไปจนสุด SPAN โดยใช้วิธีการดังกล่าว โปรแกรมสามารถคำนวณ

SEGMENT ได้สูงสุด 17 ตัว
6.2 การควบคุมที่แท่นผลิต
- อุปกรณ์ ( Equipment )
ในโรงงานที่จะทำการหล่อ Segmental นี้ ในส่วนของแท่นผลิตในแต่ละ 1 ชุดจะมี หอสำรวจ

( Survey Tower ) 1 จุด , หอตั้งเป้า ( Survey Tower ) 1 จุด และหมุดหลักฐานทางระดับ

1 จุด. ฃึ่งแต่ละจุดนั้นจะมีการตรวจสอบทุก 1 เดือน หรือน้อยกว่านั้น ชุดสำรวจ 1 ชุดจะมีอุปกรณ์หลักคือ

กล้องวัดมุม ( Theodolite , Totalstation ) ,กล้องระดับ ,เป้า ,ไม้ระดับ และเทปวัดระยะที่มีการ

ยืดหดน้อยที่สุด ส่วนอุปกรณ์พิเศษที่ต้องสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ควบคุมค่าระดับ และตำแหน่งของ Segmental

- ขั้นตอนในการตรวจสอบแบบว่ามีการบิดตัวหรือไม่ โดยใช้วิธีการตรวจสอบแบบพื้นฐานเพราะจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากเครื่องมือ

SURVEY RECORD SHEET OF FIXED BULKHEAD
Date Of Survey :_______________Time :________________By :____________________

- หมุดควบคุมค่าระดับ และตำแหน่งของ Segmental
หมุดควบคุมค่าระดับ ( Bolts ) ใช้ Stainless Steel หรือ Galvanized และหมุดควบคุมในแนวราบ

( Hair Pin Horizontal Control Point ) ในที่นี้จะฝังห่างจากรอยต่อของ Segmental

ประมาณ 40 มม. โดย Hair Pin จะอยู่ที่ Center และ Bolt จะอยู่ที่ 4.00 ม. และ 2.80 ม.

สำหรับ Segmental D-4 และ D-2 ตามลำดับ

ขั้นตอนในการหล่อ SEGMENTALในแต่ละ SPAN นั้นจะต้องเริ่มด้วยตัว STARTER

SEGMENT ก่อน ขั้นตอนแรกจะต้องทำการตรวจสอบ MOULD ,FIXED BULKHEAD

และFLORTING BULKHEAD ก่อนว่าอยู่ในมิติตามแบบหรือไม่ พร้อมกับบันทึกไว้ ถ้าแบบหล่อ

ไม่อยู่ในมิติที่โปรแกรมจะปรับแก้ได้จะทำการฃ่อมแบบหล่อต่อไป

หลังจากได้ข้อมูลที่จะมาทำการ SETUP แล้วจะมาทำการปรับแบบท้องโดยจะทำการตรวจสอบในตำแหน่ง

ที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งของ JACKING ทั้ง 4 จุดพร้อมทั้งตรวจสอบตำแหน่งและทิศทาง หลังจากปิดแบบข้าง

( OUTER FORM ) แบบใน ( CORE FORM ) และ FIXED BULKHEAD ,

FLORTING BULKHEAD และลงเหล็กพร้อมอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบครั้งสุดท้าย

ก่อนเทคอนกรีต โดยจะทำการตรวจสอบ